เสื้อสูท กางเกงยีนส์ แนวเทรนใหม่แฟชั่นนำสมัย
ใครจะไปรู้ว่า การที่เราต้องคอยยึดติดกับวัฒนธรรมตะวันตกอย่างโซนยุโรป เพื่อให้ได้วิธีการแต่งกายในระดับที่มีความเป็นสากลจำพวก เสื้อสูท นั้น จะได้รับความสนใจในภาคพื้นเอเชียเป็นอย่างมาก รวมถึงสามารถนำมาปรับใช้เป็น เทรนใหม่ให้เข้ากับยุคสมัยนี้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
แน่นอนว่า วัฒนธรรมการแต่งตัวแบบเสื้อสูท ล้วนแล้วเป็นที่ยอมรับกันมาช้านานแล้ว แต่ปัจจุบัน ผู้คนมักจะหันมาปรับเปลี่ยนแนวให้เข้ากับความเป็นสไตล์วัยรุ่นมากยิ่งขึ้น เนื่องจากชุดสูทจะเป็นแนวจำพวกผู้ใหญ่เอาเสียหน่อย และจะคงความเรียบร้อยเหมือนดั่งผ้าพับไว้ก็ไม่ปาน
แนวเทรนใหม่แฟชั่นนำสมัย
แต่ทุกวันนี้ ผู้คนที่มีความเป็นคุณหนูหรือเพลบอย ล้วนจะชอบใส่ชูทเสื้อคลุมสูทกัน แต่จะไม่ได้ใส่สแลคเหมือนอย่างเมื่อก่อน แต่จะเน้นไปที่การใส่กางเกงยีนส์หรือขาเดฟสีดำแทน เนื่องจากแฟชั่นการนำร่วมสมัยของความเป็นขาเดฟ นั้น กำลังได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะวัยรุ่นอย่างเราๆ เพราะฉะนั้น หากเรานำสไตล์ความเป็นผู้ดีระดับสากลมาบวกเข้ากับความเป็นแนววัยรุ่นซะหน่อย ก็จะเกิดความเป็นสไตล์อีกแบบหนึ่ง ซึ่งดูดีเป็นอย่างมาก อีกทั่ง เสื้อสูทยังเป็นของที่มีราคาแพง ทำให้บวกระดับฐานะและการแต่งตัวมากเข้าไปอีก
สไตล์แนวเสื้อสูทกางเกงยีนส์
ทุกวันนี้ ผู้คนจึงหันมาปรับแต่งสไตล์แนวเสื้อสูทกางเกงยีนส์กันมากขึ้น เพราะยิ่งทำให้ดูเป็นผู้ชายน่าค้นหา และน่าหลงใหล ประกอบกับคุณจะต้องมีเบ้าหน้าที่โอเคมีสไตล์ หากคุณคิดว่าหน้าตัวเองยังไม่ถึงขั้นก็อย่าฝืนเลยดีที่สุด แต่ถึงกระนั้นแล้ว เราจะต้องดูถึงสภาพเมืองร้อนของเราด้วยว่า มันเหมาะสมและคู่ควรที่จะใส่หรือไม่ เพราะถ้าเกิดอยู่ที่ในร้อนเกินไป ชุดสไตล์นี้ก็อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อตัวคุณ จนอาจจะทำให้บุคลิกของคุณเสียได้โดยง่าย ยังไงแล้ว เราควรจะไตร่ตรองให้ดีดีกว่า ว่างานที่เราจะไปเหมาะสมกับการแต่งตัวแบบนี้หรือไม่ ส่วนใหญ่แล้ว ผู้ชายที่บุคลิกดีจะค่อนข้างใส่กัน และเน้นหนักไปที่แว่นและทรงผม เพราะการใส่เสื้อสูทกางเกงยีนส์ จะเหมาะกับบุคคลผมสั้นมีสไตล์มากกว่าคนผมยาว เพราะฉะนั้น ถ้าคุณอยากเกิดมามีความเป็นเพลบอยเสียหน่อย แนวทางการแต่งตัวนี้ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คุณควรศึกษา หรือลองไปสำรวจดาราก็ได้ว่า เขาแต่งตัวกันสไตล์แบบนี้มากน้อยขนาดไหน อันที่จริงแล้ว ดารานักแสดงมักจะใส่กันเยอะ เพราะทำให้ดูเด่นมีระดับ บวกกับสามารถเดินไปเที่ยวได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะอยู่ผิดที่ผิดทางอีกด้วย
0 comments: